ทริปในฝัน เยอรมัน-ออสเตรีย

ปกติเป็นคนที่มีการเดินทางข้างค่อนข้างบ่อย และพบว่าเมื่อเวลาผ่านไปเราก็จะลืมเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างทริปนั้นๆ ความสนุก ตื่นเต้น ความน่าประทับใจ มันหายไปจากความทรงจำ ก็ได้แต่มานั่งดูรูปเก่าๆ เพื่อรำลึกเท่านั้น แต่หลังจากที่แฟนได้แนะนำให้เขียนบล็อคเนื่องจากแฟนเป็นนักเขียน ( blogger) อยู่แล้ว เค้าเลยแนะนำให้เราทำบล็อคบันทึกการท่องเที่ยวส่วนตัวเพื่อเป็นความทรงจำของตัวเอง และแชร์ประสบการณ์สนุกสนานที่ตัวเองได้รับให้กับเพื่อนๆด้วย โอเค งั้นเรามาเริ่มกันดีกว่า เรื่องมันมีอยู่ว่า บริษัทพาเที่ยวอีกแล้วววววว เย้ ปีนี้พาไปบริษัทแม่ ถิ่นกำเนิดของบริษัทที่เราสร้างรายได้มหาศาลอยู่ทุกวันนี้ นั่นก็คือ ประเทศเยอรมัน (Germany) และบริษัทก็ใจดีพาแวะไปโฉบประเทศเพื่อนบ้านให้ได้เช็คอินเก็บเข้าสต็อคอีก 1 ประเทศ นั่นคือ ออสเตรีย (Austria) ออสเตรีย นะ ไม่ใช่ ออสเตรเลีย คนละประเทศกันค่ะ เห็นหลายคนเรียก ออสเตรเลีย!!!!!

เรามาเริ่มเรื่องกันเลยดีกว่าาาา

ทริปนี้สุดยอดนักขายก็ได้พิชิตผลงานกันได้ทั้งหมด 37 คน (แต่ไม่มั่นใจว่าจริงๆทำยอดกันได้กี่คนเพราะบริษัทใจดีหลายๆครั้งที่มีการเปิดจำหน่ายแพ็คเกจให้คนที่มีเงินได้ซื้อไปเที่ยวด้วยกัน) ส่วนดิชั้น อยู่สาขาเสริมมิตร น้องน้อย แต่กำลังดี พิชิตกันได้ทั้งหมด 13 คน เป็นกรุ๊ปที่ถือว่าขายกันฟันเหยิน กรามงอก โหนกแก้มขึ้นกันเลยทีเดียว คือขายเก่งจริงๆ และแล้ววันที่เรารอคอยก็มาถึง บริษัทประกาศว่าน้องๆจะได้เดินทางไปวันที่ 5-10 พ.ค เราก็เย้ๆๆ นับวันรอคอยจนกระทั่งถึงวันที่เราต้องไป

ทำวีซ่า

การทำวีซ๋าของประเทศเยอรมันนั้นก็ออกแนวจะยุ่งยากมากๆ เพราะว่ากลุ่มประเทศเชงเก้น (อ่านเพิ่มเกี่ยวกับเชงเก้น เค้าจะมีตัวแทนรับทำซึ่งเราไปที่สถานที่นั้นเพื่อสแกนนิ้วมือและถ่ายรูป รายงานตัว อย่างเดียว ไม่ต้องสัมภาษณ์เหมือนสถานฑูตอเมริกา แต่ไม่เข้าใจว่าประเทศเยอรมันจะเยอะไปไหน ไม่รับการขอวีซ่าผ่านตัวแทน และเป็นประเทศเดียวในกลุ่มเชงเก้นที่ จะสัมภาษณ์เอง คือเยอะ เยอะไปหมด เยอะยันคนที่สัมภาษณ์ ไม่รู้เหล่านางๆๆ เก็บกดแต่ใดมา เวลาสัมภาษณ์ ทำให้เรารู้สึกเหมือนว่า เห้ย กูขอไปเที่ยวแค่ 4-5 วัน กูไม่ได้ไปลักลอบขายยา เวลาถามจะทำเสียงแข็งและขู่เหมือนเวลาแม่เค้นลูกว่าขโมยตังใช่มั๊ย คำถามก็จะประมาณว่า ทำงานที่นี่มากี่ปี ไหนช่องเงินเดือนชี้ให้หน่อย จะไปไหน ไปกี่วัน ทำไมได้ไป เคยไปเที่ยวเชงเก้นมั๊ย และไปเมืองไหน บินลงสนามบินอะไร ถามโดยไม่มีหางเสียง!!!! ทำหน้าตึงๆ ตั้งๆ เหมือนเพิ่งไปร้อยไหมมา 100 เส้น เอกสารก็หนามาก ขนาดที่ว่าบริษัทเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้ เรายังต้องแนบเงินส่วนตัวไม่ต่ำกว่า 6 หลักเข้าไปด้วย สำหรับเพื่อนๆที่อยากลองขอวีซ่าดูก็ไปได้นะคะแต่น่าจะยากอยู่ แต่ด้วยการที่บริษัทการันตีให้ เราทุกคนก็ได้วีซ่ามาโดยไม่มีปัญหาใดๆ เยอรมันออกวีซ่าให้ 20 วันแน่ะ ไม่เหมือนสวิส ไป 5 ให้มา 5 วัน คือมึงจะหวงประเทศไปไหนนน๊ ไม่เผื่อให้เวลาเค้าพาสป่งพาสปอร์ตหายกันเลย และหลังจากที่พวกเราได้วีซ่า เราก็นับวันรอจนในที่สุดก็ถึง

วันแรกที่สนามบิน

ปกติแล้วในกรณีบินไกล บินตรง บริษัทจะต้องให้เรานั่งการบินไทยตลอด ซึ่ง ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องสายการบินนี้ตลอด 555 จริงๆมันไม่ได้ดีเลยนะในความคิดเห็นส่วนตัวและเพื่อนๆอีกหลายคน เพราะพนักงานต้อนรับ หรือที่เราคุ้นหูกันว่าแอร์ฮอสแถด 55 เหล่านางส่วนใหญ่ ต้องใช้คำว่าส่วนใหญ่เลยแหละ จะบริการได้แบบ คือได้บับ นะ เอาเป็นว่าไม่แนะนำให้ใช้บริการ เราก็นัดกันไปเช็คอินและนัดพบที่สุวรรณภูมิ เวลา 22.00 น. ของคืนวันที่ 4 พฤษภาคม 2560 ณ เคาเตอร์ D ซึ่งเป็นช่องของสายการบินไทย พอหลังจากเช็คอิน โหลดกระเป๋าเราก็ถ่ายรูปกันกรุ๊ปกันตามธรรมเนียม โดยจะมีพี่สาวสุดน่าร๊าคคค มาส่งทุกๆทริป นั่นคือ พี่มินสุดสวยของเรานั่นเอง และเราก็แชะไปหลายรูป โดยจะมีท่าไม้ตายของเราก็คือ กดไลค์ค่ะ ดาวกระจายค่ะ 555 อันนี้เราจะชินๆกัน น่ารักดี และหลังจากนั้นเราก็เข้าสู่กระบวนการตรวจกระเป๋า ผ่าน ตม และขึ้นเครื่องในที่สุด ใช้เวลาเดินทาง 10.45 ชม. จนเราก็เดินทางถึงที่สนามบินมิวนิคในวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 5 และเนื่องจากเมืองไทยจะเร็วกว่า เพราะฉะนั้นพวกเราก็จะมีอาการ Jetlag กัน เพราะว่าตอนที่ถึงเป็นเวลาเช้าของมิวนิค ประมาณ 6 โมงเช้า แต่ที่ไทยนี่คือจะทานข้าวเที่ยงกันแล้ว และแล้วเราก็มาถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองและจุดเริ่มต้นของ

วันแรกที่มิวนิค

หลังจากที่เครื่องบิน TG924 นำพวกเราบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากประเทศไทย ใช้เวลาในการเดินทางทั้งหมดเกือบ 11 ชม. เราก็ได้มาถึงสนามบินที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมันกันแบบครบ 32 เมื่อถึงสนามบิน เราทุกคนก็ต้องผ่านด่านตรวจ ตม ซึ่งเป็นด่านที่หลายๆคนจะเกลียดมาก รวมถึงดิชั้น เพราะถ้าบางประเทศจะเยอะ ก็คือ เยอะแบบวัวตายควายล้ม อย่างเช่นทริปนี้เป็นต้น หลังจากที่เราเดินตามทางเข้ามาทาง Arrival ก็คือผู้โดยสายขาเข้า เราก็เดินตามป้ายไปเพื่อตรวจและรับการประทับตราก่อนออกสัมผัสแผ่นดินของเค้า และแล้วเหตุการที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น หึ!! ด้วยความที่เป็นคนภาษาอังกฤษค่อนข้างเอาตัวรอดได้ แต่เยอรมันไม่ได้เลย 555 ก็อาสาเป็นแม่ทัพด่านแรกในการตรวจ เพราะไกด์ได้แบ่งไว้ 2-3 แถว แต่โดยไกด์คนเดียวไม่สามารถแยกร่างไปทุกแถวได้ เราก็อ่ะ ข้อยไปเองก็ได้ เดินเข้าไปแบบมั่นหน้าคอตั้ง พอถึงปุ๊บ มีเจ้าหน้าที่ 2 คนอยู่ในห้องกระจกน้อยๆ (จินตนาการเวลาซื้อตั๋วรถทัวร์แถวเอกมัย) ถามเราว่ามาเที่ยวเหรอ เราก็ตอบว่าใช่ การสนทนานี่คือภาษาอังกฤษ พอจบคำถามนางก็ถามอีกว่า มากี่วัน พักที่ไหน โรงแรมอะไร มากี่คน กรุ๊ปไรส่งมา คือออ มันถามจนมันสบายใจแล้วมันยังจะขอดูตั๋วเครื่องบินซึ่ง ไกด์ไม่ได้ให้ไว้ เราเลยแบบไม่มี ไกด์ไม่ได้ให้ไว้ มีแต่ตัวเลขเที่ยวบินที่จำได้ นางก็แบบไม่ยอมปล่อยให้เข้าจนต้องเรียกไกด์มาเพื่อโชว์ตั๋วขากลับ แต่เอาตรงๆนะ บางทีถ้ารู้ว่ามันเรื่องมากขนาดนี้ ทำไมบริษัททัวร์ไม่ปริ้นตั๋วกลับแนบมาให้ด้วย ปริ้นอะไรมาให้ไม่รู้เต็มซองพลาสติกซึ่งไม่มีประโยชน์เลย เอาเหอะๆๆ คือแบบ ช่างมันสุดท้ายก็หลุด ตม. มาแล้วเราก็ต้องรีบไปรับกระเป๋า เข้าห้องน้ำ แปรงฟัน แต่งตัวเพื่อไปชมสถานที่ที่เราทุกคนอยากเข้าไปสัมผัสมากๆ แรก นั่นก็คือเการเข้าไปเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ ตอนนั้นคิดในใจเห้ย มันต้องเป็นตึกแบบโมเดิร์นแน่ๆ สูงๆ สร้างด้วยกระจก มีวิวเห็นเมืองทั้งมิวนิค 5555 งานมโนต้องดิชั้น พอถึงสถามบินก็ต้องแต่งตัวเพราะต้องให้เกียรติสถานที่ ต่างคนก็ต่างมีคัทชู มีรองเท้าสุภาพ และที่สำคัญต้องมีสูท ไม่งั้นจะดูน่าเกลียด แต่ละคนก็ตื่นเต้นๆๆๆ จากสนามบินก็ใช้เวลาบนรถบัสเดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ใช้เวลาประมาณ 30 นาที และหลังจากนั้นก็ลงจากรถและเดินเท้ากันไปประมาณ 3 นาที พอเดินไปซักพัก ก็เห็นคุณชยา (ผู้บริหาร) แวะเข้าไปทักทายกับสาวร่างใหญ่ผมบลอนคนนึง ก็ทักทายกันแบบยุโรป เราก็ เอ๊ะ นั่นใคร เพราะมี ผญ 3 คน ใส่เสื้อสบายๆ กางเกง ยีนส์!!! และยีนอยู่หน้าตึกแถว 555 ที่มีความสูงประมาณ 5 ชั้น เราก็แบบอ้าว คุณชยาอาจจะบังเอิญเจอเพื่อนหรืออย่างไร เพราะดิฉันไม่คิดว่านั่นจะเป็นตึก อลิอันซ์ แต่พระเจ้า! เยสสสส นั่นหล่ะ ตึกสำนักงานใหญ่ของอลิอันซ์ เป็นตึกที่เพื่อนๆลองจินตนาการตึกสุรวงศ์นะ ของเราใหญ่กว่า แต่ที่นุ่นเค้าจะมีหลายๆตึก สไตล์แบบยุโรปๆหน่อย แต่ความสูงก็แค่ประมาณ 5 ชั้น เราก็เดินเข้าไปอย่างงงๆ ว่าอันนี้เหรอ ที่นี่เหรอ 5555 แต่พอเดินไปเรื่อยๆ เห้ย มี 20 กว่าอาคารบนพื้นที่หลายไร่ ก็เลยสงสัยว่าทำไมเค้าไม่ทำตึกสูง แต่ก็มาได้คำตอบทีหลังว่า ที่มิวนิคเค้าไม่ได้สร้างตึกสูงๆ แบบบ้านเรานั่นเอง และวันนั้นเราก็ได้เดินชมตึกต่างๆ เข้าไปฟังประวัติการก่อตั้งแต่การเจริญเติบโต และที่สำคัญ เราได้เดินไปดูห้องทำงานของเพื่อนร่วมงานต่างแดนของเราอีกด้วย

ger
อันนี้คือภาพของพวกเราหลังจากที่เยี่ยมชมสำนักงานเรียบร้อยแล้ว สำนักงานใหญ่ก็คือตึกสีชมพู พิงค์กี้ด้านหลังนั่นเองค่ะ แต่ถ้าสังเกตุนะคะ พวกเราจะได้สร้อยคล้องบัตรพนักงานจากสำนักงานใหญ่มาด้วย เจ๋งมั๊ยล่ะะ
k
ระหว่างทางในสำนักงานที่เราเดินชม ผนังตลอดทางเดินก็จะประดับไปด้วยรูปภาพของนักขาย และทำแบบสวยงาม อินเตอร์ น่ารักดี ชอบค่ะ
j
ส่วนภาพที่เห็นนี่คือโต๊ะทำงานที่เหมือนจะธรรมดา แต่ขนาดมันจะใหญ่กว่าบ้านเรานิดนึง 555 เนื่องจากฝรั่งตัวใหญ่กันจริงๆ อ้อ อีกอย่างโต๊ะเค้าก็จะสะอาดมาก
544
ในขณะที่ทุกคนกำลังเมามันในการถ่ายภาพ และกำลังใส่ใจในผลประโยชน์ของตัวเอง เนื่องจากว่าเค้ามีการแจกสายคล้องคอ ทุกคนก็แบบ วุ่นวายกันมาก แต่ !!! กิตติยาหายไป โอ้ววว หันมาอีกที แทบจะเปลี่ยนสัญชาติเลยจ้า
222
ที่บอกว่าตึกเป็นตึกไม่สูง เล็กๆ แต่จริงๆแล้วมีหลายๆ ตึกเรียงๆๆ กันในพื้นที่หลายไร่ เดินจากตึกนึงไปตึกนึงนี่คือเล่นเมื่อยเหมือนกันค่ะ
212
ภาพวาดข้างผนังสองภาพคือผู้ก่อตั้งบริษัท อลิอันซ์ ด้านซ้ายเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกันการเงินการธนาคาร ประจวบเหมาะกับมาจับมือทำธุรกิจกับชายตามภาพด้านขวาซึ่งเป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับด้านประกัน จึงมีการก่อตั้งบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างอลิอันซ์ขึ้นมา รวมเป็นเวลาถึง 127 ปี  ส่วนชายใส่แว่นที่ยืนยิ้มแหยะๆ ก็เป็นนักบรรยายประวัติต่างๆ พาเที่ยวชมและบรรยายด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยวและสาวแตกบ้าง แต่สรุปโดยรวมก็ได้รู้อะไรที่ไม่เคยรู้หลายอย่าง เอาเป็นว่า เต็ม 10  ให้ 7
1112
เป็นภาพหมู่ที่เราถ่ายร่วมกัน ระหว่างพนักงานบริษัทเดียวกันแต่อยู่คนละประเทศ วันนึงได้โคจรมาเจอกัน มันเป็นอะไรที่สวยงามมาก
ๅๅๅ
เคยคิดว่าตัวเองไม่เตี๊ย ภาพนี้ทำให้รู้ว่า ที่ผ่านมาเข้าใจผิดมาโดยตลอด!

หลังจากที่เราได้เยี่ยมชมสำนักงานใหญ่แล้ว โปรแกรมต่อไปก็คือเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเอาตรงๆนะ ชื่ออะไร เกี่ยวกับอะไร จำไม่ได้แล้ว เพราะว่าไรรู้มั๊ย ไกด์พาเราไปปล่อย แจกตั๋ว แล้วก็ ที่เหลือเดินเองค่ะ บอกเลยไม่ปลื้มสุดกับโปรแกรม คือจุดนี้ตัดได้อยากตัดออกเพราะไม่มีไรจริงๆ เดินๆ ถ่ายรูปมากันคนละช็อต สองช็อต แล้วก็รูปหมู่ตามภาพด้านล่างเหล่านี้

muse
นี่คือหน้าตาด้านนอกของพิพิธภัณฑ์
555645
เข้ามาด้านในก็จะพบกับสิ่งสวยงามแบบนี้ โดยเฉพาะนางแบบ 555
kemjii
อีกซักรูปนึงจะเป็นไรไป อ่ะ สวยๆๆ ใครแอบคิดในใจว่าไม่สวย ขอให้โดนหวยกิน
chimai
ลูกสาวก็มานะคะ
ggg
เป็นวังเก่านั่นแหละ นี่คือเหล่าเจ้าต่างๆ
musee
เอามาให้ชมพอหอมปากหอมคอเพียงแค่นี้นะคะ  อลังการปังเวอร์วังพอสมควร
eeerr
ภาพหมู่ก็มาจ้า

และหลังจากนั้นเราก็เดินไปทานอาหารกลางวันซึ่งบอกเลบ ข๊าาาาากกกกกกกก ขากกกกก ถุยมาก มื้อแรกที่โคตรจะไม่ประทับใจ ไม่มีหมู คืออาหารจีนอะไรไม่รู้มีแต่ผัก คือแบบผักแบบอร่อยๆก็มี แต่นี่คือผักเหมือนกินเหลือแล้วเอามารวมๆกัน แล้วเอามาเสิร์ฟอีกทีนึกภาพออกมั๊ยคะ มีอยู่จานนึงไม่ได้ถ่ายรูปมา คือ มีแต่หอมหัวใหญ่ ผัดกับน้ำมัน คือ!!! เพื่อนๆทุกคนนั่งเงียบกริบ ที่กินได้มีไข่เจียวอย่างเดียว ขนาดวินัญญาสายรับประทานยังนั่งกดมือถือหน้าหงิกเชียว5555 ไม่ปลื้มๆ

dissa
ถ้าถามถึงอาหารกลางวันของวันแรก ก็หน้านี้เลยค่ะ

หลังจากทานข้าวเสร็จ โปรแกรมต่อไปคือไรรู้มะ โอ้ววววววจ็อชชชช ดิชั้นเกลียดมากโปรแกรมนี้ คือ พาเราไปที่จุดนัดพบแล้วบอกกับเราว่า น้องๆคะ เดี๋ยวเรามาเจอกันที่นี่อีก 5 ชั่วโมงนะคะ! คือโปรแกรมปล่อยให้เดินช็อปปิ้ง คือสำหรับเราไม่ชอบมาก ถึงขึ้นเกลียดเลย แต่ก็จะมีคนส่วนค่อนข้างไปทางมากที่เค้ากระหายการซื้อของไม่รู้ไปอัดอั้นมาจากไหน เดินลุยกันจนบางครั้งเวลาที่มีก็ยังไม่พอสำหรับเค้าเหล่านั้น ส่วนดิชั้นเหรอคะ มีคนซื้อของฝากคือ ยูเซอรีน ก็ไปหาซื้อให้เค้าซึ่งก็เกือบไม่ได้ เพราะเรียก ยูเซอรีนไม่มีใครรู้จัก ตามความถูกต้อง ต้องเรียกว่า เอเซอเรน 555 พอซื้อเสร็จเรียบร้อยคือใช้เวลาแค่ 30 นาทีดิชั้นก็เดินสำรวจเมืองเล็กน้อย พร้อมกับคู่หูตลอดทริป นั่นคือ ท็อป และ อั๋น ทริปนี้เราเดินเที่ยว ดื่มกัน และก็ใช้เวลาคุยเรื่องต่างๆ ก็เป็นประสบการณ์ที่ว่า เออ นั่งคุยเม้าท์กับเพื่อนที่ต่างประเทศ มันคูวววมากเลยย อ้อ แล้วก็แกงค์ของเราก็จะมีเดินๆ เที่ยวๆ ด้วยกัน ก็มี แสงเทียน น้องบี แหม่ม หลินปิง เจ๊โก เราจะค่อนข้างเกาะกลุ่มกันตลอด และคุณแม่ส้ม คุณทัส สนุกดีๆๆ ทุกคนน่ารักมากๆ

okko
เม๊ามอย ศิรมิตรพูดมากสุดๆ 555
musicc
ระหว่างที่เราเดินก็มีคอนเสิร์ตซึ่ง

ohj

kklhh

lki

ghj

lkj

หลังจากที่นัดเจอกันที่จุดนัดพบในเวลาประมาณ 6  โมงเย็นเพื่อที่จะไปทานอาหารมื้อค่ำแบบคนพื้นที่นั่นก็คือการไปทานเบียร์เยอรมันและขาหมูเยอรมัน มีคนเยอรมันแต่งตัวแบบ Local บรรเลงเพลงสไตล์เยอรมันให้ฟัง ซึ่งถ้าเป็น จ๊ะคันหูแบบบ้านเรา พวกคนเยอรมันคงจะชอบ 555  และที่สำคัญเบียร์มันต้องเป็นเบียร์ลิตรแบบแก้วใหญ๋ๆมันถึงจะได้บรรยากาศ แต่นี่ เบียร์แก้วเล็ก แล้วขาหมูนะ บอกเลย น้ำจิ้มโรงเบียรเยอรมันตะวันแดงบ้านเรายังดีกว่าเย๊อะะ แล้วเชื่อมะ ว่าวันแรกก็ผ่านไป หลังจากทานข้าวก็กลับโรงแรมและดิชั้นก็เกิดอาการเหนื่อยแบบไม่เคยเหนื่อยมาก่อนก็เลยจบวันแรกด้วยการเข้าโรงแรมและพักผ่อน!!

วันที่สองที่มิวนิค

สำหรับวันที่สองดิชั้นก็ตื่นมาด้วยความสดชื่นเนื่องจากว่าคืนแรกไม่ได้ออกไปเที่ยวเหมือนทุกทริปเลยได้นอนแบบเต็มอิ่ม เนื่องจากเพื่อนชาย ท็อป นางก็มีความนอยอะไรไม่รู้ น้องบีขาประจำก็ท้อง สรุปฉันก็ได้รักษาสุขภาพคร่าทริปนี้ ตอนเช้าเราก็มาทานข้าวกันปกติที่โรงแรมแล้วเราก็มีโปรแกรมใหญ่สำหรับวันที่สองนั่นก็คืออออ เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ BMW และดูบอล บาร์เยินนั่นเอง เย้ๆๆๆ รอคอยมากวันนี้เนื่องจากว่า เกิดมาไม่เคยไปดูบอลจริงๆ ในสนาม

หลังจากที่ทุกคนทานอาหารเช้าเสร็จล้อก็หมุน ทางทัวร์ก็ได้พาพวกเราไปยังพิพิธภัณฑ์ BMW ซึ่งส่วนตัวเป็นคนไม่ค่อยชอบรถเท่าไหร่และก็คิดในใจว่า พามาทำไมวะ 5555 คือดูแล้วแงะ ถ้าอยากได้ซื้อขึ้นเครื่องบินกลับ? เหรอ? เราก็เดินๆๆๆ ดูรถเพื่อรอเวลา และหลังจากออกจากพิพิธภัณฑ์เราก็ต้องนั่งรออีกประมาณเกือบชั่วโมง แต่อะไรรู้มั๊ย ทัวร์ไม่มีน้ำให้ เราต้องซื้อดื่มกันเองซึ่งน้ำขวดนึงราคาประมาณ 130 บาทไทย แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะหลังจากนั้นเราจะได้ไปดูฟุตบอลเย้ๆๆ และนี่ก็คือภาพบรรยากาศใน BMW เผื่อใครที่ชอบรถ เขมจิก็มีรูปมาฝากด้วยค่ะะ

ิbbmw
นี่ก็คือหน้าตาของดิชั้นที่ต้องทนดื่มน้ำราคาขวดละ 130 บาท เค้าว่ากันว่ามันมาจากหุบเขา Alps เขาหอกเขาห่าไรก็ช่าง กินแล้วก็อึออกมาปกติ555
bmw3
พาลูกลองขับรถ
bbbbb
เค้าเรียนเชิญให้เป็นพริตตี้ ก็เลย อ่ะๆๆๆ ก็ด๊ะ
bmw2
แบบรุ่นย้อนยุคก็มีนาจา
bmw1
มอเตอร์ไซด์ก็มีจ้า
bmww
แบบล้ำๆก็ดูเหมือนยานอวกาศไปอีกแบบ
bmmw
รูปคู่แม่ลูกก็มา ฉีน่ารักจังเลย

หลังจากที่ทุกคนออกมาจากพิพิธภัณฑ์แล้ว เราได้ได้เวลาที่จะเดินทางไปยังสนามฟุตบอลระดับโลกที่ทุกคนรู้จักกันดีในนามของ Allianz Arina ที่ตั้งอยู่ในเมืองมิวนิค เป็นสนามที่บริษัทอิเดี๊ยนเป็นสปอนเซอร์นั่นเอง รู้มั๊ยสนามนี้จุคนได้เยอะถึง 70,000 คน ซึ่งวันนั้นก็ทีม บาเยิน เตะกับ ทีมอะไรก็ไม่รู้ เห็นเพื่อนๆบอกว่าทีมบ๊วย วินาทีที่รถบัสเข้าไปจอด โอ้โหมึ่งเอ้ยยยย ผู้เต็มเลย 55555ทุกคนแต่งแดง ประดับแดง มีตีมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหมวก ผ้าพันคอ รองเท้า เสื้อคลุม คือมันแดงทั้งสนามแบบเห้ย มันตึ้นตัน มันขนลุกมากๆ แบบบอกไม่ถูกเลยต้องไปกันเอง มันรู้สึกว่าทำไมมันยิ่งใหญ่ ยังกะแบบยืนอยู่ในยุคฟาโรที่เค้ากำลังจะแต่งตั้งพระราชาอะไรประมาณนั้น 5555 แล้วพอเรานั่งรอซักพักเราก็ได้ชมการเตะ แต่จะบอกไรให้รู้ปะ จากใจเลย เป็นการเตะที่เห่ยมากกกกก รู้สึกว่าบาเยินไม่ได้เอาตัวจริงลงสนาม มันก็เลยรุ้สึกว่าดูบอล สระบุรี-บุรีรัมย์ กันเลยทีเดียว และพอเกมส์กำลังเริ่ม เราก็ลงไปซื้อเบียร์ขึ้นมาดื่ม ตอนลงไปซื้อเบียร์ค่าาาา ต่อแถวนานมาก ใจก็แบบเห้ยคนในสนามกรี๊ดกันดังมาก กลัวพลาดช็อตสำคัญ พอถึงคิวเรา สั่งเลยค่ะ 4 แก้ว (ไปกับเพื่อนชื่อศิรมิตร) พอยื่นเงินให้เค้าบอกใช้คูปอง โอ้ยยย ไหวมั๊ย ห่าาา ต้องพากันไปต่อแถวซื้อคูปองอีกตั้งน๊านนนน และก็มาต่อแถวซื้อเบียร์ กรี๊ดมาก จึงบอกเพื่อนๆไว้ก่อนเลยว่าถ้ามีโอกาสไป อย่าลืมแลกคูปอง!!! หลังจากซื้อเบียร์ก็พากันกลับขึ้นมาบนสนามและแล้ว บาเยินก็เตะเข้า คือจะบอกว่าไม่รู้ว่าเป็นทุกที่หรือเปล่านะเพราะไม่เคยดูบอลในสนาม พอเตะเข้า สนามเค้าปิดทุกเสียง และเปิดเพลงแดนซ์แบบ EDM ผสมดนตรีแดนซ์หลายๆอย่าง เปิดประมาณ 1 นาที แล้วเชื่อมะ ทุกคนเหมือนไม่เคยเต้น ลุกจ้า เหวี่ยงผ้าพันคอ เอาขาพาดเก้าอี้ คือเต้นกันอย่างกระหาย ไม่วายกับน้องบี นางท้อง!!! นางยกขาพาดเก้าอี้ จนเราบอกว่า เห้ย มึงท้อง นางถึงได้เอาขาลง คือเพลงมันมาก หลังจากเพลงหยุด ทุกคนก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ก็คือลงนั่งเพื่อชมเกมส์กันต่อไป

และแล้ว 90 นาทีก็ผ่านไปไวอย่างกะโกหก หลังจากเกมส์จบ คิดดูนะ คนเกือบแสน ต้องเดินออกจากสนามพร้อมกัน มันเหมือนการซ้อมหนีไฟยังไงอย่างงั้น เพียงแค่ว่าทุกคนเดินกันแบบเบาๆ ไม่ได้วิ่ง หลังจากที่เราไปยังจุดนัดพบ เราก็ขึ้นรถกัน แต่กว่าจะถึงรถ อื้อหือ โดนหนุ่มเยอแทะเล็มสุดฤทธิ์ เค้าแทะเราบ้าง เราแทะเค้าบ้างพอกรุบกริบ 55555 และค่ำนี้เราก็ได้ไปนั่งทานอาหารไทยกันที่ร้านอาหารชื่อดังที่มิวนิค ชื่อว่าร้าน ” ขณิษฐา” ขอบอกว่าอาหารอร่อยมากๆๆ และที่สำคัญ พี่ชยาเลี้ยงเบียร์ด้วย อร่อยจุง และพอหลังจากที่ทุกคนทำลายอาหารกันจนหมดแล้วเราก็เดินทางกลับเข้าสู่โรงแรม คืนนี้นอนที่เดียวกันกับเมื่อวาน และที่สำคัญ หลับจ้าาา ไม่ได้ออกไปเที่ยวกลางคืน zzzzzzzzz และด้านล่างนี้ก็คือภาพบรรยากาศในสนามบอล

ari
บรรยากาศหน้าสนามฟุตบอล รถบัสและผู้คนเยอะมากๆ
arii
ลูกฉีก็มานะคะ นางกรี๊ดตลอดเลย นางชอบมาก
arina
เบียร์อร่อยๆ กับบรรยากาศที่ไม่ค่อยเย็นเท่าไหร่
่่jjkk
รูปคู่ก็ต้องมาไม่งั้นลูกงอล
ariina
เดอะแกงค์ แต่จะบอกว่าฝรั่งข้างหลังนี่คือมันมาแจมเองนะ มาถึงก็ร้องเพลงเพื่อปลุกใจ แต่ถามว่าเราเข้าใจมั๊ย? โนว์!!! 555 แต่ก็พากัน ฮึมฮำตาม สนุกดีๆ ฝรั่งค่อนข้างเฟรนลี่และหร่อจ้า
cccc
my lovely boss
kkkkk
แกงค์เพื่อนเลิฟ
lllll
ไอ้เพื่อนตัวแสบ

วันที่สามที่มิวนิค-ออสเตรีย

วันที่สามคือหลังจากที่ล้อหมุนจากโรงแรมคือเราต้องเดินทางเพื่อไปชมปราสาท นอยชวาสไตล์ ซึ่งต้องเดินทางถึง 2  ชม. จากโรงแรมที่เราอยู่ หลังจากเดินทางมาถึงสถานที่แล้วเราทุกคนต้องลงจากรถบัสเพื่อเปลี่ยนรถไปขึ้นคันที่เค้าใช้ขึ้นเขาโดยตรง แต่ รู้มั๊ยว่าฝนตา เราทุกคนยืนตากฝนประมาณ 30-45 นาทีและแล้วรถก็มา เดินทางจากด้านล่างขึ้นเขาใช้เวลาประมาณ 15 นาที และเราก็เดินชมบรรยากาศของธรรมชาติระหว่างทางก่อนเข้าชมปราสาท นี่คือรูประหว่างทางก่อนเดินเข้าปราสาท

11144

nio

1111222

111

ticket

หลังจากที่เราเดินเล่นกันอยู่พักนึงก็ถึงเวลาที่เราจะต้องเข้าชมปราสาท ซึ่ง บอกเลยว่าตรงเวลามากๆ ถ้าถึงเวลาที่ตั๋วเราต้องเข้าชมแล้วเราไม่ได้อยู่ตรงนั้นก็อดจ่ะ หลังจากเดินเที่ยวชมปราสาทประมาณ 1 ชม ซึ่งบอกเลยว่าประทับใจในความเก่งของกษัตริย์ผู้สร้างปราสาทมากๆ (ไม่มีรูปเพราะด้านในห้ามถ่าย) หลังจากชมเสร็จเราก็ถึงเวลาที่จะต้องทานอาหารกลางวันแต่ระหว่างลง ไฮไลท์ก็คือการนั่งรถม้าลง แล้วเราก็คิดว่า ชั้นนั่งหน้าชั้นต้องได้รูปสวย ชั้นต้องได้รับอากาศบริสุทธิ์( จินตนาการเหมือนองค์หญิงนั่งรถชมป่า) หึ!! หึ!! พอม้าก้าวขาออกเท่านั้นแหละ ลมตีปะทะหน้า แล้วแบบ เอดอกกกกก กูนั่งผิดที่ อื้อหือ กลิ่น แบบ กลิ่นมันเขียวมาก เหมือนนั่งข้างคอกม้า 😂😂😂😂 โอ้ยจะลงก็ลงไม่ทันละ เลยจำเป็นต้องนั่งกลั้นหายใจต่อไป ม้าก็เดินแบบ เบาๆ 1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในใจตอนนั้นท่องคาถาตั้งแต่ศาสนาพุทธยันพระถังซัมจั๋ง ขอให้ถึงเร็วๆ แต่เชื่อมั๊ย เวรกรรมอะไรของช้านนน ระหว่างทางคนขับก็หยุดม้า เราก็แบบ เอ๊ะ ไม่นะ(เสียงโอปอ) แล้วมันก็เป็นอย่างที่กูคิด ม้ายกหาง ตูดกระพือพร้อมกับมีลมออกมา ฟึ่วววว และหลังจากนั้นไม่กี่เสี้ยววินาที พระเจ้า ม้าขี้ ต่อหน้าต่อตา คือนั่งมากับเพื่อน 3 คน ทุกคนพยายามปิดจมูกด้วยความทรมานทางสายตาและโพรงจมูก แต่!!!! คนขับม้าเอามือมาดึง เค้าไม่ให้เราปิดจมูก ก็ต้องทนสูดดมไปพร้อมกัน เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า จงอย่านั่งข้างคนขับเป็นอันขาด!
สงสาร Ping Lhin ที่สุด เพราะนางนั่งตรงตำแหน่งตูดม้า5555 รับลมตดเต็มหน้า รูปตามนี้เลยค่ะะะ

้้horse
ตดทีนี่หน้าสั่นเลยนะคะ ม้าตัวใหญ่มาก
shoe2
สาวกผู้ที่ผ่านประสบการณ์ดมตดม้า
horse1
กลุ่มที่นั่งข้างหลังอาจจะไม่เห็นวิวที่สวยงามเท่ากลุ่มด้านหน้า แต่ว่าสบายจมูกมากๆ 55
shoe1
ใช้เวลาประมาณ  25 นาทีเพื่อเดินทางลงเขาและเราก็พร้อมที่จะไปทานอาหารเที่ยงกัน

หลังจากลงจากม้าพวกเราก็เดินไปเพื่อรับประทานอาหารเที่ยงซึ่งเลี่ยนมาก สุดท้ายแหม่ม เพื่อนในกรุ๊ปก็ได้ควักน้ำพรึกปลาร้าขึ้นมา และเราก็ได้ทานปลาร้ากันอย่างเอร็ดอร่อยก่อนเดินทางต่อไปยัง ชวาล๊อฟกี้ จากปราสาทนอยเราใช้เวลาเดินทางกัน 2 ชม ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าไปทำไม มีแต่หินเพ็ชร พลอย แกะสลัก แต่ก็มีเพื่อนบางคนได้เครื่องประดับติดไม้ติดมือ และที่สำคัญ มีแต่ทัวร์จีน ไทย และ อินตะระเดีย 5555 ส่วนตัวเดินกันกับน้องบี ถ่ายรูปอย่างเดียว และพวกเราก็ได้รูปสวยๆมาฝากจ้า

sw7
แม่ลูก
sw9
ทีมเสริมมิตรจ้า
sw10
ระหว่างนั่งรอก็มีโรคจิตเข้ามาขอเบอร์

sw1

sw3
งานอาร์ทด้านในซึ่งดิฉันก็ไม่เข้าใจงานของเค้า
sw4
แต่มีอันนี้แหละที่อยากได้

หลังจากที่ใช้เวลาร่วม 2  ชมที่สถานที่นี้เราก็ได้เดินทางเข้าโรงแรมที่ออสเตรียซึ่งวันนั้นตรงกับวันอาทิตย์ซึ่งที่ออสเตรียวันอาทิตย์ทุกอย่างปิด เราเลยไม่สามารถเดินทางออกไปดริ๊งที่ไหนได้ซึ่งมันแย่มากๆ เราเลยจัดปาร์ตี้กันที่ห้องเลย วันนี้ไม่มีไรมากนอกจาก ดริ๊งๆๆๆ และก็ดริ๊ง รู้สึกว่าอยู่ดึกสุดกับคุณเจ๊โก ภาพบรรยากาศก็ตามรูปด้านล่างเลยค่ะ

drink
เบียร์บาทหลวงที่เยอรมัน หิ้วมากินที่ออสเตรีย
drink1
อภินันทนาการจากเจ๊โก กะเอาออกมาชิม สุดท้ายดื่มหมดจ้า
drink2
พี่ๆ เพื่อนๆ เดอะแกงค์จากสุรวงค์ ทุกครั้งทุกทริป จะต้องดริ๊งกับแก๊งค์ๆนี้ตลอด อาจจะมีทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ แต่สนุกสนานกันไม่เบา
drink4
สามคนเราก็ทุลักทุเลดื่มกันยันฟ้าเกือบสว่าง 55

 

วันที่สี่ที่ออสเตรีย

หลังจากที่เราดื่มกันแบบขนาดสติจนถึงตี 3-4 ก็คิดขึ้นมาได้ว่าอีกวันต้องไปเหมืองเกลือเลยพากันเข้านอนและตื่นมาพบกับอาการแฮงค์แบบอุบาทและก็เดินทางไปเพื่อดูบ้านที่มีหลังคาทองคำและบ้านลูกกวาดในวันถัดไป

roof
เมาๆ ฝนปรอยๆ ท้องเสียหน่อยๆ แล้วพามาดูหลังคาบ้าน กรี๊ด พอก่อน และที่สำคัญมีคนแบบประมาณเกือบร้อยอ่ะ ไม่ว่าจะเป็นทัวร์จีน อินเดีย และพี่ไทยอย่างเรา คือ ดิชั้นก็รีบๆเดินไปหาห้องน้ำอย่างเดียวคร่า
color
หลังจากนั้นก็เดินข้ามถนนมาเพื่อมาถ่ายรูปกับบ้านสีลูกกวาด แค่นั้นค่ะ ได้รูปสวยไป 1  รูป

และหลังจากที่เรามาทำตัวเป็นทัวร์จีนกันเสร็จเรียบร้อย ถ่ายรูป เซลฟี่กันจนอิ่มหนำสำราญแล้วก็พากันแห่แหนเดินกลับรถเพื่อเดินทางต่ออีก 2 ชม ครึ่งเพื่อไปทานข้าวกลางวันและไปชมเหมืองเกลือ ระหว่างทางก็ได้งีบบ้างไรบ้าง พอถึงร้านอาหารก็ทานข้าวแล้วก็เดินไปเหมือนเกลือซึ่งเป็นโปรแกรมสุดท้ายของทริปนี้ แต่เกินคาด พวกเราสนุกสนานกันมากเพราะมันต้องใส่เสื้อคลุม แล้วทุกคนดูเหมือนเป็นคนไข้ศรีธัญญา และเราต้องนั่งรถไฟลงไปในอุโมงค์และเล่นสไลเดอร์ซึ่งได้กรี๊ด ได้กลัว ได้หัวเราะกันสนุกสนานเลยทีเดียว ใครได้มีโอกาศมาที่นีอย่าลืมแวะไปเที่ยวเหมืองเกลือด้วยนะคะ

salt

salt1

salt2

หลังจากเยี่ยมชมเหมืองเกลือกันเรืยบร้อยแล้วเราก็ได้เดินทางไปถ่ายรูปกันที่ ฮอลสตาท แต่ว่าฝนปรอยๆเลยได้รูปมาเพียงเท่านี้ก่อนที่จะแวะเข้าโรงแรมค่ะ

hall2
แม่ลูกอีกแล้ว
hall
ลูกฉีเหม่ย
hall1
เขมจิกับเพื่อนน้ำแสงเทียน

หลังจากที่เราถ่ายภาพกันอย่างอิ่มหนำแล้วก็เดินทางเข้าโรงแรม ซึ่ง!! โรงแรมวันสุดท้ายใช้คำว่าห่วยยังน้อยไป ไม่มีลิฟต์ ประตูต้องล็อคจากกุญแจ ประตูพัง น้ำท่อตัน ซึ่งหลายๆห้องก็ได้รับปัญหาเหมือนๆกันและเราก็ได้พักกายซุกหัวนอนกันที่นี่ก่อนที่จะร่ำลากันไปยังสนามบินเพื่อกลับเมืองไทย ทริปทั้งหมดนี้อาจจะมีอีกหลายความทรงจำที่เอามาบรรยายได้ไม่หมดแต่ครั้งนึงในชีวิตได้ใช้เวลาสนุกสนานกับเพื่อนๆ พี่ๆ และบริษัทที่เรารักก่อนที่เราจะอำลาเพื่อไปดำเนินชีวิตในแบบที่ตัวเองวางแผนไว้ วันนี้ดีใจที่มีเพื่อนๆอ่านจนถึงท่อนสุดท้าย ยังไงก็ขอให้ทุกคนมีความสุขและดำเนินชีวิตในแบบที่ตัวเองชอบต่อไป บ๊ายบาย

hote
ภาพโรงแรมที่พักกันคืนสุดท้าย เหมือนหนังสยองขวัญมะ

สิ่งแปลกๆที่ส่วนตัวไม่เคยเห็นในเมืองไทย

ll
เข้าปั๊มเวลาจะเข้าห้องน้ำต้องหยอดเหรียญแล้วจะได้สลิปแบบนี้ หยิบออกมาแล้วใช้แทนเงินซื้อของในมินิมาร์ทที่ปั๊มได้ รวมกันกับเพื่อนได้
atm
ตู้เอทีเอ็มจิ๋วๆ ตั้งอยู่ในซอกมินิมาร์ท
coffee
เครื่องซื้อกาแฟสดหยอดเหรียญ
red
บ้านเรามีกระทิงแดง ที่นี่ มีกระทิงแดง เหลือง เขียว เออๆๆ ตลกดี

จบละนะคะ อย่าลืมมาติดตามทริปใหม่ที่จะเขียนเกี่ยวกับอเมริกาใต้ด้วยนะคะ

 

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *