สวัสดีตัวเองในอนาคตที่จะกลับมาอ่านโพสนี้รวมถึงเพื่อนๆทุกคน วันนี้เขมจะมาเล่าถึงทริปสามวันอันแสนเหนื่อย ที่ใต้หวัน ไม่รู้ว่าไปเที่ยวหรือไปทรมานสังขาลบอกตรงๆ ที่ได้ไปก็เพราะว่าทางบริษัทได้มีการแข่งขันท่องเที่ยวประจำปี และทำเป็นประจำทุกปี โดยปกติจะมีปีละสองทริป ทริปเล็กไปเอเชีย ทริปใหญ่ไปยุโรป เมื่อกลางๆปีก็ไปสวิสแลนด์มา และเขมก็ได้พิชิตทริปท่องเที่ยวฟรีกับทางบริษัทอีกตามเคย (ไม่เคยพลาดแม้แต่ทริปเดียวตั้งแต่ทำงานที่นี่มา) ทริปนี้ก็คือ ใต้หวัน ก่อนไปบริษัทก็เลื่อนแล้วเลื่อนอีก จากเดือนกันยายน ก็ว่ามีมรสุม เลื่อนไปตุลาก็ว่ามรสุมยังไม่หมด สุดท้ายได้วันแน่ชัดคือวันที่ 5-7 พฤศจิกายน
ในที่สุดวันที่เรารอคอยนานแสนนานก็มาถึง โดยเริ่มแรกบริษัทก็เข้ามานำเสนอแผนการท่องเที่ยว ส่วนตัวก็อ่ะๆ พยายามมองในแง่ดี ว่า มันต้องดีสิ และเราก็ได้นัดหมายกันว่าต้องไปเจอกันที่สนามบินในวันที่ 4 เวลา 23.00 น. ของคืนวันศุกร์ นัดเวลานี้แต่รู้มั๊ยบินจริงๆ อ่ะ ตี 2.40 ของวันที่ 5 รวมกับผู้ร่วมเดินทางกว่า 80 คน และในทริปนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง มาค่ะเล่าทีละช็อตๆ
วันที่ 4 พ.ย. เวลา 23.00 น. ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ประตูที่ 8 สายการบิน EVA AIR สายการบินที่เค้าว่าเป็นสายการบินประจำชาติใต้หวัน ส่วนตัวไม่ชอบเลยยยย พอไปถึงพวกเราก็ยืนรออออออ นานมาก ประมาณ ชั่วโมงครึ่งได้เพื่อที่จะรอเช็คอิน คือไม่เข้าใจว่าบริษัททัวร์จะนัดมาเร็วๆทำผืออะไร อ๊อ บริษัททัวร์ รอบนี้มีชื่อว่า หนุ่มสาวทัวร์ ต้องขอบอก ณ ตรงนี้เลยว่า มีลูกบอกลูก มีหลานรบกวนบอกหลานว่า อย่าได้คิดจะใช้บริการ ถ้าไม่อยากเสียความรู้สึก หลังจากที่เรายืนรอ นั่งรอ นอนรอ และแล้วเวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ ไกด์ก็มาเรียกบอกว่าได้เวลาโหลดกระเป๋า เราก็ไปโหลดดๆๆๆๆ กันและก็เดินเข้าตรวจคนเข้าเมืองเพื่อแสกนร่างกายและเข้าเข้าเกทพร้อมเดินทาง
วันที่ 5 พ.ย. หลังจากที่ทุกคนผ่านการตรวจคนเข้าเมืองเป็นที่เรียบร้อย เราก็ไปเดินช็อบนั่งเล่นกัน โดยผู้เดินทางทั้งหมดมีประมาณ 80 คน ก็จะแบ่งกันเป็นกลุ่มๆ ไม่ได้เดินด้วยกันทั้งหมด ก็นั่งนอนรอกันจนถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย คือขึ้นเครื่อง เพราะว่าทุกคนต่างเหนื่อยและง่วงเพราะว่ายิงตรงมาจากการทำงาน และเราก็ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม โดยมีจุดหมายปลายทางเป็นสนามบินที่ไทเป เครื่องลงเวลาประมาณ 7 โมงเช้า เวลาไทยก็จะช้ากว่า 1 ชม. ทุกคนก็ทำการล้างหน้าล้างตา เข้าห้องน้งห้องน้ำกัน แต่งหน้าทาปากกัน เพราะสภาพแต่ละคน โอ้โหหห เหมือนชีวิตผ่านความลำบากมามากๆ 5555 หลังจากที่ทุกคนพร้อมแล้วเราก็แบ่งกันเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ เนื่องจากจะต้องไปสองรถบัสด้วยกัน และหลังจากออกจากสนามบินเราก็แวะกินข้าวโดยมื้อแรกจะเป็นอาหารบุฟเฟ่สไตล์จีนๆ มีข้าวต้มกุ๊ย และมีเครื่องเคียงต่างๆ ก็พอประทังชีวิตถามว่าอลังมั๊ย ตอบได้ว่าเฉยๆ
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จเราก็ต้องเดินทางต่อ สถานที่ที่เราจะไปชมวันนี้ก็คือ ทะเลสาบสุริยันจันทรา หรือชื่อที่ฝรั่งเรียกกันก็คือ Sun Moon lake ข้อมูลทะเลสาปอ่านเพิ่มที่นี่ค่ะ ชื่อก็ธรรมดาง่ายๆ แต่พี่ไทยเราก็นะ อื้อหือ ตั้งซะยังกะชื่อหนังจีน 555 ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม.เพื่อไปยังสถานที่นี้ ระหว่างทางก็สลบกันค่ะ แต่เดี๋ยว ก่อนจะถึงสถานที่ก็มีการแวะห้องน้ำ แต่คุณคะ ห้องน้ำที่นี่ สยองยิ่งกว่าหนังผีรางวัลออสก้าอี๊กกก ถ้าคุณโชคดีคุณก็จะได้เข้าห้องน้ำที่มีเพียงแค่หน้าตาที่อัปลักษณ์เท่านั้น แต่ถ้าคุณราหูอมหรือดวงตก เรียกว่าโชคร้าย คุณอาจจะได้เห็นศิลปะแห่งโลกขี้เป็นประสบการณ์ติดตัวไปด้วยก็ได้ และนี่ก็คือภาพบรรยากาศต่างๆ ระหว่างทางก่อนถึงทะเลสาปค่ะ
หลังจากที่เดินทางกันมาสองชั่วโมงกว่าๆ นั่งคอพับคอหักกันมาเราก็ได้เวลาลงจากรถอีกแล้ว คือเช้าวันนี้กินแล้วนอนบนรถ พอถึงเวลาลงก็มื้อเที่ยงพอดี และเราก็จะทานอาหารกลางวันกันที่ทะเลสาปสุริยันจันทรา ก่อนที่เราจะขึ้นกระเช้าลอยฟ้าหรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Cable Car นั่นเองค่ะ และจุดเด็ดที่เค้าบอกว่ามันดีนักหนาคือ เราจะได้ทานอาหารขึ้นชื่อของที่นี่คือ ปลาประธานาธิบดี โอ้โห รสชาติก็ธรรมดาค่ะ ใครแวะมาทานระวังด้วยนะคะ ก้างเพียบ เยอะยังกะสั่งพิเศษก้าง และนี่ก็คือบรรยากาศอาหารกลางวันของพวกเราค่ะ
ส่วนอาหารอื่นๆ โดยรวมเห็นว่าหน้าตาธรรมดาหาได้แถวบ้านเราเลยไม่ได้ถ่ายมาเผยแพร่ หลังจากที่เราทานกันอย่างผิดหวัง เอ้ย อิ่มหนำสำราญแล้วเราก็ไปถ่ายรูปกันเบาๆ ตรงระเบียงด้วยกล้องรุ่นใหม่ล่าสุดจากไอโฟน7plus ของน้องบี ซึ่งก็ได้รูปสวยงามมาดังนี้ค่ะ
และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง เรากำลังจะไปนั่งรถลอยฟ้า ข้ามเขาชมทะเลสาป ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณบ่ายๆ ก็ป่ะ ไปกัน ตอนแรกคิดว่าไม่น่ากลัวเพราะส่วนตัวเคยนั่งมาแล้วที่ฮ่องกง แต่โอ้โห คุณพระ ที่นี่มันวังเวง มันสูง มันชัน มันบรรยายไม่ถูก เขมโดยสารไปกับเพื่อน 4 คน พอถึงโค้งที่สองเท่านั้นแหละ ลืมตัว กรี๊ดกันป่าแตก 5555 ในใจก็นึกว่านี่เล่นเครื่องเล่นที่สวนสนุกรึเปล่า ยิ่งเวลาเปลี่ยนตรงข้อต่อระหว่างเสา อื้อหือออออใจหายแว๊บ สำหรับเพื่อนๆที่ยังไม่เคยลอง แนะนำเลยค่ะ ไปลองนั่งดูนะคะ มันสวยและสนุกในเวลาเดียวกัน.
และหลังจากที่เราชมทะเลสาปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเราก็เดินทางต่อหลายหมื่นลี้เพื่อไปชมวัดที่เค้าพูดนักหนาว่านี่แหละจุดพีค มีร้านค้าข้างวัดให้เราเดินซื้อของ แต่พระจ้าววววว ไปถึงทางวัดบอก อีก 10 นาทีวัดปิด!!! อะไรนะ คือแบบอยากด่าอิบริษัททัวร์มาก มึงพามาดูพระหรือผี คือตอนนั้นฟ้ามืดและที่สำคัญร้านค้าที่เค้าบอกว่าจะให้ซื้อของเนี่ยก็ปิด ส่วนตัวโมโหเลยไม่ขึ้นวัด กลัวไปทำกิริยาบาปๆ 555 เลยนั่งอยู่ข้างล่างวัด ปล่อยให้พวกขาแข็งแรงวิ่งขึ้นไป และเชื่อมะ เพื่อนฉันทุกคนสุดยอดมาก หลายๆคนสวมใส่รองเท้าส้นสูง แต่พวกนางๆก็วิ่งขึ้นไปจนถึงยอดเพื่อไปถ่ายรูปกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และหลังจากนั้นเราก็ออกจากวัดกันแบบผิดหวังเล็กน้อย
พอออกจากวัดเราก็เดินทางอีกแสนลี้ (คือประชด แต่ละที่ห่างกันมาก สรุปวันทั้งวันอยู่แต่บนรถ) เพื่อที่จะไปตลาดกลางคืนเพื่อช็อปปิ้งโดยมีเวลาการเดินประมาณไม่เกิน 1 ชม. คือเค้าเข้าใจว่าเราได้ผ่านการฝึกในการเดินไล่ควายมาหรือยังไงไม่รู้ คือ ตลาดใหญ่ๆ เหมือนไปเดินเยาวราชอ่ะ แล้วคนตั้ง 40-50 คน จะเอาเวลาเป๊ะๆ สุดท้ายแก๊งดิชั้นก็ได้เบียร์มากันคนละป๋องสองป๋อง (แก๊งชั้นมีชื่อว่า เหนียวหนี่ ประกอบด้วย เขม ท็อป เซด้า บี และ แอน) หลังจากนั่งจิบเบียเพื่อรอเพื่อนๆพักนึงเราก็ได้เวลาล้อหมุนเพื่อเดินทางกลับโรงแรม และก็อีกล้านลี้ในการเดินทางโอ้จ๊อชชชชช และแล้วก็มาถึงสถานที่พักของคืนแรก เหนื่อยกันมาก
ดิชั้นมาถึงจุดนี้แล้ว ด้วยงานที่ยุ่ง ดิชั้นก็ลืมทุกสิ่งอย่าง ยังไงขอแก้ไข้ทริปหน้านะคะ ซอรี่จีจี