ตึ่วตึวตึ๊ว ตึวตึ้วตึวตึวตึ๊ว 555 well come to the hotel California มาอยู่รัฐนี้ก็ฮำเพลงนี้นะคะ จินตนาการเพลง hotel California ตามด้วยนะ จะได้อัฐรถในการอ่าน รัฐนี้ถือว่าใหญ่พอสมควร และก็มีหลายเมืองมากๆ ส่วนทริปนี้ดิชั้นก็มาสิงสถิตอยู่ที่ เมืองซานฟรานซิสโก เมืองที่รู้จักกันดี ในเรื่องของความเสรีของเพศที่ 3 เกย์ เลสเบี้ยนจะเยอะและยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ ของเวปไซส์ และบริษัทชื่อดังเช่น Twitter, Uber, Google เป็นต้น และที่สำคัญถ้าพูดถึงเมืองนี้แล้วละก็ ลืมไม่ได้เลยกับสถานที่นี่ ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือสะพานแดงๆ อ่ะ สะพานไรนะ คอลเกต? ตึ่กโป๊ะ อ่ะไม่ขำ ดิชั้นเล่นเองขำเองก๊ะด้าย ไม่ใช่ค่ะ สะพานนี้มีชื่อว่า.. โกลเด้นเกด (golden gate bridge) นั่นเองนะฮะะ เพื่อนๆบางคนบอกว่าหน้าตามันเป็นยังไง และนี่ก็คือโฉมหน้าของสะพานค่ะ
เกริ่นมาพอสมควรละ ก็มาเข้าเรื่องกันดีกว่า เริ่มจากสนามบินเลยนะคะ เครื่องลงจอดที่ซานฟรานเวลา 11.40 เวลาที่เมกา (ประมาณตี2 เวลาไทย) ตอนนั้นเหมือนนางเอกละครไทยแบบตื่นขี้นมาแล้วพบว่าตัวเองหลงยุคอ่ะ นึกออกปะ “ชั้นเดินทางข้ามผ่านเข้ามาในยุคอดีต” คือที่นี่จะช้ากว่าเมืองไทย 14 ชม. เดินเข้า ตม. ต้องแยกกับแฟนเพราะเค้าถือพาสปอตเมกัน ของคนเมกาแถวสั้นเท่าจู๋คนอ่าน5555 คือคนเมกันส่วนมากไม่ค่อยออกต่างประเทศเพราะคิดว่าที่เมกาดีสุดดดดในโลก แต่ถ้าอิครั้นจะมาพูดถึงแถวฝั่งอิชั้นแล้วละก็ โอ้หม่ายก้อต มึงอีกแล้วเหรอ อิทัวร์จีน จินตนาการเวลาเค้าแจกข้าวฟรีอ่ะ อย่างงั้นเลย แต่! มารยาทจะดีกว่าจีนทั่วไป..เพราะมาถึงเมกาได้คงไม่ใช่ขี้ๆ..ในระหว่างรอ ตม. ดิชั้นก็ตามแถวไปเรื่อยๆ รอไม่น๊าน 45 นาทีเอง และแล้วอาการตื่นเต้นก็มา ของที่กินมา..ทั้งที่เมืองไทยและบนเครื่องบินต่างก็นัดหมายกันเพื่อจะออกมาชมแผ่นดินอเมริกา ปวดขี้สิคะรอไร ถ้าใครเคยตื่นเต้นมากๆจะเข้าใจ ตอนนั้นกลัวคำถาม มันจะถามไรบ้างวะ เตรียมคำตอบไว้ในหัวเต็มเลย เช่น ทำงานไร มากี่วัน มากับใคร คืิอเครียดและระแวง แต่พอถึงคิวปุ๊บ ถามคำสองคำ แสต๊มป์ให้หกเดือน(คิดในใจ และตำหนิตัวเองพร้อมอมยิ้มแบบขำตัวเองเล็กน้อย มึงอ่ะคิดมาก ประสาทแดก555 หัวเราะร่วน) พอออกจาก ตม. ได้ก็เดินไปเรื่อยๆ ไปรอรับกระเป๋าแต่แฟนออกมาก่อนเลยไปรับมารอเราไว้แล้ว ดิชั้นขอข้ามขั้นตอนนี้ และหลังจากนี้ก็คือการเดินทางเข้าเมืองโดยการหา Bart มันจะเป็นชื่อเรียกรถไฟที่นี่ค่ะ จากสนามบินต้องนั่งไปประมาณ 6 สถานี เพื่อที่จะเดินทางไปโรงแรมนั่นเอง
พูดถึง BART แล้วก็ ฟิวๆ คล้ายๆ Airport link บ้านเรา แต่เก่ากว่าม๊ากกกกกก ก็คงจะสร้างก่อนบ้านเราซัก 50 ปี หุหุ) ตั๋ว ราคาประมาณ 9$ สำหรับสาวๆ 6 สถานี (3 ร้อยกว่าบาท) แต่ละสถานีใช้เวลา 5-7 นาที…โอ้วหม่ายก้อต ตอนรถไฟวิ่งดิชั้นนึกว่าอยู่ในหนังเรื่อง โกงความตายแล้วต้องตาย คือเสียงดังโคร๊งคร๊าง คร่อกแคร่ก โป๊งแป๊ง แบบเรานั่งเหงื่อออกเท้า แล้วคิดในใจตลอดว่า จะพังมั๊ยวะ จะระเบิดมั๊ยวะ 555 นั่งประมาณ 30 นาทีก็ถึงสถานี Powell (ใกล้ที่โรงแรมสุดแล้ว) และหลังจากสถานีนี้ เดินสิคะ รอไร เดินอีก 20 นาทีแล้วเดินขึ้นเขา ทั้งง่วง ทั้งเหนื่อย ทั้งหิว กว่าจะถึงโรงแรม บอกเลย ว่า ถ้ามีคนลากไปข่มขืนคงไม่รู้
พอเดินออกจากสถานีรถไฟทางเดินก็เป็นเนินเป็นภูเขาตลอดค่ะ เดินหอบกันเลยทีเดียว และแล้วดิชั้นก็ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงในการเดินทางมาถึงโรงแรม
วันแรกพอถึงโรงแรมก็พากันน็อค คืออาการ Jet lag ที่นี่เวลาตามหลังเมืองไทย 14 ชั่วโมง หลับไปประมาณ สองชั่งโมงก็ได้เวลาออกสำรวจพื้นที่ เดินถือแผนที่กันคนละใบเดินสำรวจอยูประมาณ ชั่วโมงกว่า แล้วก็ไปจบกันการทานดินเนอร์ที่ร้านอาหารเม็กซิกันข้างทางราคาไม่แพงมาก สองอย่างรวมกัน 14$ ถือว่าถูกมากในเมืองที่แพงแสนแพง
ก็ถือว่าโอเคพอประทังชีวิต หลังจากทานอาหารเสร็จก็เดินกลับโรงแรมเพราะไม่ไหวมากๆ ทั้งเหนื่อยทั้งง่วง หนาวก็หนาว ไม่ได้ตั้งตัวเลยต่างคนต่างลืมว่าซานฟรานอากาศไม่เหมือนที่เดนเวอร์ ก็เลยแบบเสื้อผ้าไม่พร้อมมาก เดินหนาวกันกลับมาถึงโรงแรม อาบน้ำ เข้านอนประมาณ สามทุ่มได้มั๊ง ตอนนั้นที่ไทยก็เพิ่งจะเช้าอยู่เลย นอนๆๆๆๆๆ เหมือนกับนานมากแล้วก็แบบตื่นขึ้นมา คิดในใจ ซักประมาณตีห้า โอ้พระเจ้าเหาแหก ตีสอง หึ แล้วจะทำไงต่อละคะ นอนไม่ได้ ตื่นมานั่งเล่นโทรศัพท์ต่อยันตีสี พอง่วงจัดก็ถึงนอนได้ จบกันสำหรับวันแรก ไม่ได้มีไรมากกก
วันที่ 2 ตื่นเช้ามาด้วยความที่ยังไม่สดชื่นและไม่ชิน ส่วนตัวก็ยังเป็นเวลาไทยอยู่คือง่วงๆๆตลอด วันนี้แพลนของเราก็คือ ไปเดินเล่นที่สะพานโกลเด้นเกด แนะนำเพื่อนๆเลย ไม่ต้องเสียตังนั่งรถไฟชมเมือง ไม่ต้องนั่งแท็กซี่ มันแพงมาก นี่เลย ดิชั้นขอนำเสนอ นั่งรถเมล์ดีที่สุด ประหยัด จริงๆต้องขึ้นข้างหน้าแล้วหยอดเหรียญ คนที่ใช้ประจำก็จะมีบัตรเอาไว้สแกนเหมือนกันกับบัตรบีทีเอสเราอ่ะ แต่เราเนียน เข้าข้างหลัง บัตรก็ไม่มี ที่นี้เค้าไม่มีกระเป๋ารถเมล์นิ่ ก็เลยอ่ะ เนียนๆๆๆ 555 ทั้งวันไม่ได้จ่ายเลยแม้แต่บาทเดียว ไม่เป็นไรเนอะประเทศเค้ารวยอยู่แล้ว นั่งหลายสายหลายต่อมาก ถ้าจ่ายจิงๆสองคนก็น่าจะ 20 เหรียญได้ เยอะอยู่นะ เอิ่มมมม นั่งไปซักพัก นางแพทบอกลงตรงนี้ละกันเดี๋ยวเดินเลาะชายหาดไป พอลง อ้าวคนละฝั่ง นางดูแผนที่ผิด จิงๆอีกไกล ปวดฉี่ก็ปวด เลยเดินๆๆ มาเจอห้างสรรพสินค้าชื่อว่า Safeway ฟิฟิวเดียวๆกับเทโก้ชั้นเดียวบ้านเราอ่ะ มีของขายวางเรียงรายน่าซื้อ วางเป็นระเบียบซะจนไม่กล้าหยิบ55 แต่ที่ดิชั้นอึ้งก็คือ เวลาจ่ายเงินต้องทำเอง โอ้พระเจ้า ชอบมากเหมืิอนได้เล่นขายของ สแกนเอง ใส่ถุงเอง จ่ายตังเอง ทอนตังเอง! ไม่ใช่ๆ55 คือเค้าจะมีเครื่องแบบหยอดเหรียญ สอดแบงค์ บัตรเครดิตได้ แล้วมันก็จะทอนให้เราเหมือนเครื่ิิิองหยอดบีทีเอส แต่!! เค้ามีแบงค์ทอนค่ะ ไม่ใช่หยอดไรไปทอนเป็นเหรียญแบบบ้านเรา อันนี้ก็เป็นหนึ่งสิ่งที่ดิชั้นประทับใจมากค่ะ พอเดินเล่นซื้อของกันซักพัก ดิชั้นก็หารถเมล์เพื่อไปสะพาน และแล้วดิชั้นก็มาถึงสะพานในที่สุด เย้ๆๆ
พอจบจากห้างสรรพสินค้า เราก็เดินๆๆ ไปเพื่อที่จะนั่งรถเมล์ไปยังสะพาน คือแบบ ออกจากห้างมานึกว่าไปสวนสนุก555 เล่นอยู่คนเดียว มันแปลกใหม่มาก หรือว่าเค้ามีทุกที่วะ ไป อังกฤษ ฝรั่งเศสไม่เคยเข้าห้างสรรพสินค้าแต่ก็อ่ะไม่เคยเห็นก็ต้องบอกว่าไม่เคยเห็นตามท้องเรื่องไป โอเค๊!! มาเล่าตอนไปถึงสะพานเลยละกัน คือที่นี่คนจีนเยอะมาก ไม่ใช่ทัวร์นะ คืออาศัย พักพิงที่นี่เลย หกสิบเปอร์เซ็นที่เห็นคือคนจีน ฝรั่งที่เป็นเมกันจะน้อยมาก อาจจะเป็นเพราะมันคือสถานที่ท่องเที่ยวก็เป็นไปได้ และนี่ก็คือภาพของวันนี้ที่เราไปสำรวจมา
ไม่มีไรมาก ก็เป็นบรรยากาศฟินๆ เดินหนาวๆ จับมือกันเบาๆ (ไม่จิ๊งงง ตื่นๆๆ) ของจิงคือ เดินไปกลับสี่กิโลเมตร คนเยอะๆ พลุกพล่านๆ จักรยานสวนไปมา สรุปป ต่างคนต่างเดิน กึ่งเดินกึ่งวิ่ง ริดซี่เกือบแตก ทะเลาะกันบ้างประปรายแบบว่า มึงไม่รอกู กูไม่รอมึง ห้าห้า เดินไปกลับใช้เวลาชั่วโมงนึง ห้าห้าห้า จบกันชีวิตหนังโรแมนติกชั้น แต่ก็สนุกดี พอลงมาจากสะพานก็เดินเลาะๆ มาแถวๆ ฟิสเชินแมนวูฟ หาของกิน นั่งร้านนึงสวย แพง และอากาศดี เหมือนในหนังอ่ะ แต่บับ อาหารแหล็กไม่สะใจอ่าเข้าใจปะ อยากส้มตำมากแต่ก็อืมๆ อ่ะๆ เพื่อความอยู่รอด ถ้าไม่กินอันนี้ก็ไม่มีไรละ ต้องกินขี้ละ …นั่งพักนึง จิบเบียชิวไปอีกแบบ
พอทานเสร็จก็เดินเลาะๆๆๆ ไปชมขงชมของ เหมือนแบบ เยาวราช ปน สำเพ็ง แต่ใหญ่กว่า สะอาดกว่า ดูมีระเบียบกว่า แต่ของ เมดอินไชน่า นึกออกปะ ก็เพลินๆดี แต่และแล้วเวลาก็ผ่านไปไวเหมือนน้ำแข็งตากแดด ถึงเวลาที่จะต้องกลับโรงแรมละเพราะห้าโมงเย็นละ ก็เดินๆๆๆหารถเมล์กลับมาทางเดิม (ก็เนียนไม่จ่ายกันอีก) และตอนนี้ดิชั้นก็กลับมาถึงโรงแรมและก็เขียนเรื่องนี้ให้เพื่อนๆ อ่าน หลังจากประโยคนี้ดิชั้นจะงีบซักหน่อยแล้วอาจจะมีออกไปชิวช่วงกลางคืน ยังไงจะมาอัพเดทอีกทีนะคะ
วันที่ 3 สรุป เมื่อวานไม่ได้ออกไปไหนค่ะ เก่งมาก กะกลับมาจะงีบ แล้วออกไปดื่ม แต่ งีบยันตี 3 ข้าวก็ไม่ได้กิน5555 สรุป ตตื่นแล้วไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ และก็เดินเล่นทั้งวันค่ะเพราะสวนใหญ่มากกก
วันนี้ก็ไม่ได้มีไรมากค่ะ เดินๆๆๆๆๆๆๆๆ และที่สำคัญไม่ได้เก็บรูปมาก เพราะกัดกันกับบักสีดา 555 หลังจากสวนก็เดินอมขี้ไม่พูดกันจนถึงโรงแรม นอนนน อ้อ แวะทานอาหารไทย ก่อนค่ะ ลืมๆๆ 555 แรงโมโหยังค้างคา ไปทานร้านนึงราคาประมาณ 1400฿ กับข้าว 3 อย่าง ก็พอประทังชีวิต ชื่อร้านว่า Sai Jai อยู่แถวๆโรงแรม จำถนนไม่ได้ละ และนี่คือหน้าตาส้มตำ จืดมากคือไม่มีรถไรเลยนอกจากเปรี้ยวปรี๊ดดด
มาถึง วันที่ 4 วันสุดท้ายละ วันนี้ต้องบินไปเจอครอบครัวที่ Denver ก็ตื่นตามปกติ มีเวลาแค่ช่วงเช้าเลยทิ้งกระเป๋าไว้ที่โรงแรมแล้วเดินสำรวจเพราะแฟนอยากเห็นสำนักงานใหญ่ของทวิตเตอร์ เราก็เดินๆ ไปดูๆๆ สำรวจอยู่พักใหญ่ พอถึงเวลาเราก็กลับโรงแรม เก็บของ และตรงไปสนามบิน..
และแล้วก็ถึงเวลาที่จะต้องจากเมืองนี้ หลังจากเดินเล่นประมาณ 4 ชม.ดิชั้นก็กลับโรงแรมเพื่อไปสนามบิน ขาไปสนามบินไม่ได้นั่งBart แต่จองรถตู้ที่โรง 3$ แต่เราไม่ต้องเดิน และแล้วเราก็ถึงสนามบินเย้ๆๆ เหนื่อยมาก4 วัน 3 คืน มันเป็นประสบการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ ได้เห็นสิ่งที่ไม่คิดว่าบนโลกนี้จะมีให้เห็น 🙂 ครั้งนึงในชีวิตอยากบอกเพื่ิอนๆว่า หาโอกาสมาเปิดหูเปิดตาแล้วคุณจะรู้ว่าโลปเรามันกว้างใหญ่เหลื๊อเกิน
Thanks for reading. เด๋วจะเล่าต่อเกี่ยวกับเดนเวอร์นะคะะะ บายยยย